ถ้าคุณอยากจะเลือกซื้อของสักอย่างหนึ่ง คุณก็คงจะต้องดูตัวสินค้าเพื่อประกอบการตัดสินใจ เดินไปที่ร้านเพื่อดูหน้าตาของสินค้าจริงๆ แต่ถ้าคุณทำร้านค้าออนไลน์ ลูกค้าจะไปดูสินค้าได้จากทางไหน นอกจากรูปสินค้าที่มีอยู่ในเว็บไซต์
ดังนั้นรูปภาพเป็นสิ่งเดียวที่ลูกค้าจะได้เห็นสินค้าจริงๆจากร้านของเรา ซึ่งการจะถ่ายภาพออกมาให้ดูสวยดูดี หลายคนคงคิดว่าต้องไปจ้างช่างภาพแพงๆกว่าจะได้รูปสินค้าที่สวยงามสักหนึ่งใบ
แต่ในความเป็นจริง ไม่จำเป็นต้องจ้างช่าง ไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องราคาแพง ก็สามารถถ่ายภาพสินค้าออกมาให้ดูมือโปร และลูกค้าอยากซื้อได้แล้ว แต่ต้องอาศัยเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ลงไปหน่อย เพื่อให้รูปสินค้าดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
สิ่งแรกที่อยากแนะนำเลยคือ การหาฉากหลังเพื่อทำให้สินค้าดูเด่นขึ้น และง่ายต่อการตัดต่อเพื่อนำไปใช้ต่อการหาฉากหลังในที่นี้จะเหมาะกับวัตถุชิ้นไม่ใหญ่มาก
อาจจะใช้กระดาษA4 มาต่อกันเพื่อทำเป็นฉากขาวด้านหลัง การถ่ายโดยมีฉากหลังสีขาว จะทำให้สินค้าดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น และง่ายต่อการตัดต่อเพื่อนำไปใช้ในงานอื่นๆได้อีก
วิธีถัดไปคือ ถ้าสินค้าเราต้องใช้คู่กับอะไรก็ให้ถ่ายคู่กับสิ่งนั้น หรือเหมาะกับสถานที่ไหนก็ไปที่ๆนั้นอย่างเช่น เสื้อผ้าก็ควรจะถ่ายบนหุ่น หรือคนจริงๆ ถ้าเป็นนาฬิกาก็อาจจะถ่ายกับข้อมือ
แต่ถ้าจะสื่อถึงความแข็งแรงทนทานก็อาจจะถ่ายกันหินหรือก้อนอิฐก็จะได้อารมณ์ของความแข็งแรง ยิ่งถ้าเราสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกอินตามสินค้าได้เท่าไหร่ โอกาสที่จะซื้อก็จะมีเพิ่มมากขึ้น
บางทีสินค้าเหมือนกันแต่การแสดงออกของภาพต่างกัน โอกาสที่จะซื้อก็ต่างกันไปด้วย
อย่างที่สามคือ ต้องถ่ายทุกมุม ไม่ว่าสินค้าจะเป็นอะไรต้องถ่ายเก็บไว้หลายมุม เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าของเราอย่างชัดเจนที่สุด ถ้าเป็นสินค้ามีแบรนด์ก็ควรจะถ่ายภาพแบรนด์นั้นๆด้วย
หรือ ควรจะถ่ายภาพ จุดสำคัญๆของตัวสินค้า ยกตัวอย่างกระเป๋า อาจจะไม่ได้ถ่ายเฉพาะภายนอกอย่างเดียว อาจจะต้องถ่ายด้านในของสินค้าด้วย ถ้าเป็นสินค้าที่เน้นลวดลาย ก็ต้องถ่ายให้เห็นลวดลายนั้นออกมาให้ชัดเชนที่สุด อย่างลายไม้ของเฟอร์นิเจอร์ หรือลายหนังของกระเป๋า
การรับถ่ายภาพสินค้าให้น่าซื้อ บางทีภาพอาจจะไม้ได้สวยมาก แต่ภาพนั้นสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างชัดเจน โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อของก็สูงเหมือนกัน ดังนั้นการถ่ายภาพไม่จำเป็นต้องสวย แต่ต้องตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการให้ได้